เมื่อพูดถึงการปลูกผักสวนครัวคงเป็นงานอดิเรกที่ชื่นชอบของใครหลายคน นอกจากจะได้ผักทีสะอาดปลอดสารพิษไว้ทานเองในครอบครัวแล้ว เรายังได้ใช้พื้นที่ในบ้านให้เกิดประโยชน์และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วย นอกจากนี้หากใครที่คิดอยากจะทำเป็นอาชีพเสริมเพื่อหารายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ มาใช้จ่ายในครอบครัวการปลูกผักสวนครัวแบบง่าย ๆ ก็เป็นตัวเลือกที่ดีอย่างหนึ่งเลยล่ะ วันนี้จะพาผู้อ่านทุกท่านมารู้จักกับ วิธีปลูกผักชีในกระถาง แบบง่าย ๆ อย่างแรกเรามาทำความรู้จักกับเจ้าผักชีกันก่อนเลย
ผักชี คือ พืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว แต่เป็นพืชล้มลุกที่มีอายุสั้น ประมาณ 40-60 วันเท่านั้น โดยผักชีที่นิยมปลูกกันในประเทศไทยคือ ผักชีพันธุ์สิงคโปร์, พันธุ์สิงคโปร์เมล็ดดำ และพันธุ์ไต้หวัน เป็นต้น ในการปรุงอาหารเรานิยมจัดผักชีเป็นเครื่องเทศที่มีไว้ใส่น้ำซุป และเป็นเครื่องเคียงอื่น ๆ เพราะผักชีสามารถนำมาปรุงอาหารได้ทุกส่วนของต้นและยังช่วยดับกลิ่นคาวจากเนื้อสัตว์ได้ด้วยนะ
ประโยชน์ของผักชี
– ใช้เป็นเครื่องเทศช่วยปรุงอาหารให้รสชาติดีมากขึ้น โดยสามาถใช้ได้ทั้ง ใบ ราก และลำต้น
– มีสรรพคุณช่วยย่อย บำรุงกระเพาะ ขับลมพิษ ลดน้ำตาลในเลือด ขับลม เป็นต้น
อุปกรณ์สำหรับปลูกผักชี
– เมล็ดพันธุ์ผักชี
– กระถาง
– ดินร่วน
– ปุ๋ยคอก
– ทราย หรือขี้เถ้า
– ฟางข้าว หรือหญ้าแห้ง
วิธีปลูกผักชีในกระถาง
- เตรียมดินสำหรับปลูกผักชีมาผสมกับปุ๋ยคอกและพักทิ้งไว้
- บดเมล็ดพันธุ์ผักชีที่ซื้อมาให้แตกออกเป็น 2 ซีก แล้วนำเมล็ดไปแช่น้ำประมาณ 2-3 ชั่วโมง
- นำเมล็ดพันธุ์ผักชีที่แช่น้ำแล้วไปผึ่งลม หลังจากนั้นให้นำเมล็ดผักชีผสมกับทรายหรือขี้เถ้าเล็กน้อยและเพาะเมล็ดทิ้งไว้ คองสังเกตเมล็ดและพรมน้ำทุกวัน
- เมื่อเห็นเมล็ดผักชีเริ่มงอกใบออกมาแล้ว ให้นำไปใส่กระถางปลูกที่เตรียมดินเอาไว้ก่อนหน้า หลังจากนั้นคลุมด้วยฟางข้าวหรือหญ้าแห้งที่เตรียมเอาไว้แล้วจึงรดน้ำให้ชุ่มทั้งกระถาง
- เมื่อผักชีที่เราปลูกเอาไว้มีอายุที่ประมาณ 30-45 วัน สามารถเก็บเกี่ยวมารับประทานได้เลย หรือเราอาจจะดูตามความเหมาะสมของขนาดต้นผักชีก็ได้ โดยเวลาที่เราจะถอนต้นผักชีขึ้นมานั้นให้รดน้ำจนดินชุ่มเสียก่อนเพื่อให้ง่ายต่อการดึงต้นผักชีขึ้นมาเนื่องจากเราจำเป็นต้องถอนต้นผักชีทั้งรากนั่นเอง
*เมื่อผักชีแตกใบให้ใส่ปุ๋ยหมัก เพราะจะทำให้ผักชีต้นสมบูรณ์แข็งแรง
**ผักชีชอบอากาศเย็น แต่เมื่อเริ่มโตแล้วควรให้โดนแดดอ่อน ๆ ยามเช้าบ้าง
สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่
อ้างอิง : คลิกที่นี่
