เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับรถไฟฟ้า BYD SEAL ถือเรือธงอีกหนึ่งรุ่นจากค่าย BYD กับ SEAL ที่พร้อมเจาะตลาดกลุ่มรถซีดานไฟฟ้า 100% และยังถือเป็นรุ่นไฮไลท์ที่ทางค่ายหมาย BYD กับ SEAL มั่นใจว่าจะครองใจผู้ใช้งานรถไฟฟ้าได้อีกครั้ง โดยจะมีขายไทยถึง 3 รุ่นด้วยกัน โดยแต่ละรุ่นจะมีแตกต่างกันในเรื่องของขนาดแบตเตอรี่ และมอเตอร์ รวมถึงออปชั้่นบางอย่าง โดยทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมดีไซน์หรูหราโดยได้ชื่อว่าเป็นรถซีดานสปอร์ต เนื่องจากดีไซน์ตัวรถทำออกมาให้ดูสปอร์ต หรูหรา ไฮโซ เป็นรถไฟฟ้าพรีเมี่ยม มีดีไซน์ที่ดูเหมาะสำหรับผู้ใหญ่ ทั้งยังมีสมรรถนะสูง มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ใส่มาอย่างจัดเต็ม วันนี้เราจึงจะมาเปิดสเปครถไฟฟ้าทั้ง 3 รุ่นนี้ให้ได้ชมกัน เพื่อให้ทุกท่านได้ตัดสินใจก่อนเลือกซื้อ ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลย
McLaren Speedtail ทำความรู้จัก รถ HYPER-GT แรงสุดในค่าย 1050 แรงม้า
BYD SEAL วางจำหน่ายในประเทศไทยมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย
- รุ่น Dynamic RWD ราคา 1,325,000 บาท
BYD SEAL รุ่น Dynamic RWD ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (150 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.5 วินาที พร้อมแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ความจุ 61.44 kWh สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 510 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) โดยมีอุปกรณ์มาตรฐาน ดังนี้
- มอเตอร์ไฟฟ้าหลัง 204 แรงม้า
- BYD Blade Battery ความจุ 61.44 kWh
- ไฟหน้า LED
- ฟังก์ชันหน่วงเวลาปิดไฟหน้า Follow Me Home
- ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED
- ไฟท้าย LED
- ไฟตัดหมอกหลัง
- ไฟเลี้ยวด้านหลังแบบ Sequential
- หลังคากระจกพาโนรามิกเคลือบซิลเวอร์เพลท
- มือจับประตูไฟฟ้าแบบซ่อน
- ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้า
- กระจกมองข้างพร้อมระบบไล่ฝ้า
- กระจกมองข้างพับเก็บไฟฟ้า
- กระจกหน้าต่างเปิด-ปิดอัตโนมัติ 4 บาน
- กระจกหน้าเก็บเสียงแบบสองชั้น
- ระบบการเข้ารถและสตาร์ทแบบ Keyless
- กุญแจแบบ NFC Card
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังสังเคราะห์
- หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว
- เบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์
- เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- เบาะนั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
- เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบอุ่นและระบายอากาศ
- กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
- ที่บังแดดพร้อมกระจกและไฟส่องสว่าง
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 2-zone
- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ระบบกรองฝุ่น PM2.5 และ CN95
- ระบบ Ionizer
- หน้าจอสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว พร้อมระบบหมุนไฟฟ้า
- Apple CarPlay (USB)
- Android Auto (Wireless)
- ระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย
- ระบบนำทางด้วยดาวเทียม
- Music Streaming
- USB-A 2 ตำแหน่ง / USB-C 2 ตำแหน่ง
- ระบบแสงไฟในห้องโดยสารปรับตามจังหวะ
- ที่ชาร์จมือถือไร้สาย 2 ตำแหน่ง
- ระบบอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ OTA
- ระบบชาร์จ DC กำลังสูงสุด 110 kW
- ระบบ V2L (Vehicle-to-Load)
- ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
2.BYD SEALรุ่น Premium RWD ราคา 1,449,000 บาท
รุ่น Premium RWD ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 313 แรงม้า (230 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.9 วินาที พร้อมแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ความจุ 82.56 kWh สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง โดยมีอุปกรณ์มาตรฐาน ดังนี้
- (อุปกรณ์มาตรฐานรุ่น Dynamic RWD)
- มอเตอร์ไฟฟ้าหลัง 313 แรงม้า
- BYD Blade Battery ความจุ 82.56 kWh
- กระจกมองข้างปรับองศาอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง
- ระบบบันทึกตำแหน่งกระจกมองข้าง
- พวงมาลัยหุ้มหนังแท้
- เบาะนั่งหุ้มหนังแท้
- ระบบดันหลังเบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
- ระบบจดจำตำแหน่งที่นั่งเบาะคนขับ
- เบาะนั่งคนขับเคลื่อนอัตโนมัติเมื่อสตาร์ทและดับรถ
- จอแสดงผลบนกระจกบังลมหน้า (W-HUD)
- ระบบชาร์จ DC กำลังสูงสุด 150 kW
- ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว
3.รุ่น AWD Performance ราคา 1,599,000 บาท
รุ่น AWD Performance ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ด้านหน้ากำลังสูงสุด 218 แรงม้า (160 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ด้านหลังกำลังสูงสุด 313 แรงม้า (230 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร ให้กำลังสูงสุดรวม 530 แรงม้า (390 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 670 นิวตัน-เมตร โดยมีอุปกรณ์มาตรฐาน ดังนี้
- (อุปกรณ์มาตรฐานรุ่น Premium RWD)
- มอเตอร์ไฟฟ้าหน้า 218 แรงม้า
- ช่วงล่างแบบ FSD หน้า-หลัง
- ระบบล็อกประตูป้องกันเด็กแบบไฟฟ้า
- ระบบควบคุมแรงบิดอัจฉริยะ (ITAC)
สรุป BYD SEAL ถือเป็นรุ่นไฮไลท์ที่ทางค่ายหมายมั่นว่าจะครองใจได้อีกครั้ง การเปิดตัวในครั้งนี้กับรถซีดานสปอร์ต ที่มีสมรรถนะสูงพร้อมเทคโนโลยีแแบบจัดเต็มที่มาพร้องโครงสร้างแบบใหม่ มีจุดเด่นคือ มีค่า Cd. สัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.219 ถือว่าต่ำมาทำให้ช่วยทั้งในเรื่องการประหยัดพลังงานและความเร็ว โดยชุดแบตเตอรี่ของรถติดตั้งด้วยเทคโนโลยี CTB หรือ Cell To Body หรือจะว่ากันแบบภาษาเข้าใจง่ายๆ ก็คือการใช้แพ็กแบตเตอรี่เป็นส่วนหนึ่งของตัวถังรถยนต์ พื้นที่เพิ่มขึ้นมิติความสูงและขนาดตัวรถเท่าเดิม แต่พื้นที่เบาะนั่งเพิ่มขึ้น ความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ทนทานต่อการบิดตัว ช่วยในการเสริมความแข็งของตัวพื้นฐานใต้โครงสร้างรถยนต์เพิ่มขึ้น
ขอบคุณเนื้อหาจาก : wikipedia