เมื่อพูดถึงกะหล่ำปลีหลายคนคงรู้จักผักชนิดนี้เป็นอย่างดี กะปล่ำปลีนั้นสามารถนำมาทำอาหารได้หลายเมนูไม่ว่าจะเป็นต้มจืด ผัดผัก หรือกะหล่ำปลีทอดน้ำปลา เป็นต้น กะหล่ำปลีสามารถทำอาหารได้หลากหลายแต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าประโยชน์ของกำหล่ำปลีไม่ได้มีดีแค่ความอร่อย แต่ยังมีประโยชน์อื่น ๆ มากมาย วันนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ ประโยชน์ของกะหล่ำปลี มากขึ้น รับรองว่าทุกคนจะต้องหลงรักน้องกะหล่ำปลีมากกว่าเดิมแน่นอน
การใช้ ประโยชน์ของกะหล่ำปลี
1. กะหล่ำปลีสามารถทำอาหารได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด แกง ทอด หรือลวกจิ้มน้ำพริก
2. กะหล่ำปลีสามารถมาดองและแปรรูปรับประทานยามขาดแคลนได้
3. ใบกะหล่ำปลีที่เหลือทิ้งสามารถนำมาเป็นอาหารสัตว์ เช่น วัว หรือกระบือได้
4.ใบกระหล่ำปลีเหลือทิ้งสามารถวางบนดินเพื่อทำปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกได้
คุณค่าทางโภชนาการกะหล่ำปลี (กะหล่ำปลีเขียวสด 100 กรัม)
| น้ำ | กรัม | 92.18 |
| พลังงาน | กิโลแคลอรี่ | 25 |
| โปรตีน | กรัม | 1.28 |
| ไขมัน | กรัม | 0.1 |
| คาร์โบไฮเดรต | กรัม | 5.8 |
| ใยอาหาร | กรัม | 2.5 |
| น้ำตาลทั้งหมด | กรัม | 3.2 |
| แคลเซียม | มิลลิกรัม | 40 |
| เหล็ก | มิลลิกรัม | 0.47 |
| แมกนีเซียม | มิลลิกรัม | 12 |
| ฟอสฟอรัส | มิลลิกรัม | 26 |
| โพแทสเซียม | มิลลิกรัม | 170 |
| โซเดียม | มิลลิกรัม | 18 |
| สังกะสี | มิลลิกรัม | 0.18 |
| ทองแดง | มิลลิกรัม | 0.019 |
| วิตามิน C | มิลลิกรัม | 36.6 |
| ไทอะมีน (B1) | มิลลิกรัม | 0.061 |
| ไรโบฟลาวิน (B2) | มิลลิกรัม | 0.04 |
| ไนอะซีน (B3) | มิลลิกรัม | 0.234 |
| วิตามิน B-6 | มิลลิกรัม | 0.124 |
| โฟเลต | ไมโครกรัม | 43 |
| วิตามิน B-12 | ไมโครกรัม | 0 |
| วิตามิน A, RAE | ไมโครกรัม | 5 |
| Carotene (beta, alpha) | ไมโครกรัม | 42,33 |
| วิตามิน E (alpha-tocopherol) | มิลลิกรัม | 0.15 |
| วิตามิน D (D2 + D3) | ไมโครกรัม | 0 |
| วิตามิน K | ไมโครกรัม | 76 |
| กรดไขมันอิ่มตัวทั้งหมด | กรัม | 0.034 |
| กรดไขมันอิ่มตัว ชนิดสายเดี่ยวทั้งหมด | กรัม | 0.017 |
| กรดไขมันอิ่มตัว ชนิดหลายสายทั้งหมด | กรัม | 0.017 |
| คอลเลสเตอรอล | มิลลิกรัม | 0 |
| Caffeine | มิลลิกรัม | 0 |
สรรพคุณของกะหล่ำปลี
1. ในกะหล่ำปลีจะมีสารซัลเฟอร์ (sulfur) ทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ช่วยในการขับถ่าย ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยระงับประสาท ช่วยให้ผ่อนคลาย ลดจึงทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น
2. ในกะหล่ำปลีมีสารเอสเมธิลเมโธโอนิน สารชนิดนี้ มีคุณสมบัติรักษาโรคในกระเพาะอาหารได้ โดยเป็นสารต้านการอักเสบ และการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ทำหน้าที่กระตุ้นกระเพาะอาหาร และลำไส้สร้างน้ำคัดหลั่งสำหรับเคลือบกระเพาะอาหาร และลำไส้
3. ในกะหล่ำปลีมีสารหลายชนิดที่สามารถช่วยยับยั้งการเติบโตของมะเร็งลำไส้ได้ รับประทานได้ทั้งในแบบสุก และแบบสดก็ได้เช่นกัน โดยให้รับประทานเป็นประจำอย่างน้อย 2 ครั้ง/สัปดาห์
4. ใบกะหล่ำปลีนำมาประคบเต้านม ช่วยบรรเทาอาการปวดคัดเต้านมได้
5. ช่วยลดความอ้วน โดยในกะหล่ำปลีมีสารทาร์ทาริกที่มีคุณสมบัติยับยั้งไม่ให้น้ำตาลในอาหารเปลี่ยนเป็นไขมัน และคอเลสเตอรอลที่สะสมในร่างกาย
6. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เนื่องจาก ในกะหล่ำปลีมีวิตามิน C สูง ซึ่งวิตามิน C นี้ ยังมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด ช่วยให้เหงือก และฟันแข็งแรง
7. ช่วยบำรุงกระดูก และฟัน โดยเฉพาะในเด็ก และคนชรา เนื่องจากประกอบด้วยแคลเซียม และฟอสฟอรัสสูง
8. ช่วยการย่อยอาหาร และขับสารพิษออกจากร่างกาย เนื่องจาก ในกะหล่ำมีปริมาณไฟเบอร์สูงที่มีคุณสมบัติช่วยดูดซับสารพิษ และกระตุ้นการขับถ่ายได้
สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่
อ้างอิง : คลิกที่นี่

