รถหรูนั่งสบาย

บทความนี้ขอพาเพื่อน ๆ ไปจัดอันดับกันกับ 10 อันดับ รถหรูนั่งสบาย ที่มีอยู่ในไทยกันว่า จะมีรถคันไหน ยี่ห้อไหนบ้าง ที่นั่งสบายเสมือนอยู่บ้าน มีอะไรบ้างลองไปดูกันดีกว่า 

10 อันดับ รถหรูนั่งสบาย ในประเทศไทย

Bentley Continental GT

1. Bentley Continental GT

Bentley Continental GT รุ่นล่าสุดในไทยมาพร้อมความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์อันหรูหราสไตล์ผู้ดีอังกฤษและการตกแต่งสุดคลาสสิคทั้งภายในและภายนอกด้วยสมรรถนะที่เป็นเลิศไม่แพ้ใคร รวมเอาไว้ซึ่งความสุดยอดในทุกด้านอย่างแท้จริง ห้องโดยสารมาพร้อมความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด มอบความหรูหราในทุกตารางนิ้วไม่ว่าจะเป็นวัสดุหนังแท้คุณภาพสูงที่มาพร้อมลวดลายแบบใหม่ “Diamond in Diamond” พรมพื้นภายในรถที่มีความแตกต่างกันถึง 15 เฉดสี พร้อมเบาะนั่งทั้งหมด 4 ที่นั่ง และเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางที่ยาวนาน มีเบาะนั่งเสริมเป็นทางเลือกสำหรับการเดินทางที่ยาวนาน ประกอบด้วยพนักพิงศีรษะที่ปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า ที่วางแขนอุ่นและฟังก์ชั่นการระบายอากาศและการนวด พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกล้ำสมัยครบครัน

ภายนอกก็ยังคงมากับรูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ดูคลาสสิคแต่แฝงไว้ซึ่งความโฉบเฉี่ยวทันสมัย โครงสร้างตัวถังทั้งหมดนั้นถูกผลิตขึ้นด้วยกระบวนการ Super Formed มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ W12 TSI ขนาด 6.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 635 แรงม้า ติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ ดูโอคลัชต์ 8 สปีด พร้อมล้อช่วยแรงแบบใหม่ล่าสุด Dual-mass flywheel ที่ช่วยลดอาการสั่นสะเทือนภายใน
Mercedes-Benz S-Class

2. Mercedes-Benz S-Class

Mercedes-Benz S-Class มีห้องโดยสารที่หรูหราด้วยการประดับด้วยวัสดุหรูหราที่ได้มาตรฐานสูงสุด ห้องโดยสารให้ความรู้สึกที่ใหญ่กว่าเดิมด้วยหลังคาแบบพาโนรามาและการออกแบบที่ให้ความกว้าง ช่วยให้การเข้าและออกเป็นไปได้อย่างสะดวกและมีเบาะนั่งที่ทำจากหนังแท้โดยได้รับการเย็บและเน้นด้วยไม้และอลูมิเนียมขัดเงาอย่างสมบูรณ์แบบ ยกระดับอีกขั้นของความสะดวกสบายด้วยระบบ ENERGIZING Comfort Control เทคโนโลยีควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในห้องโดยสารเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมโปรแกรมนวดของเบาะที่นั่งที่ติดตั้งมาให้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังด้วยกันถึง 6 แบบ และติดตั้งระบบอำนวยความสะดวกอันทันสมัย ภายนอกมากับดีไซน์ที่มีความหรูหราคงไว้ซึ่งการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ได้อย่างครบถ้วน โดยในรุ่น S350d มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 6 สูบ 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 286 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตัน-เมตร มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC ที่ทำให้รถยนต์มีความเร็วรอบต่ำช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงและไม่สร้างเสียงดังรบกวน นุ่มนวลราบรื่นจนแทบไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนเกียร์กันเลยทีเดียว

Land Rover Range Rover

3. Land Rover Range Rover

Land Rover Range Rover มีการตกแต่งห้องโดยสารภายในอย่างสวยงามให้ความสะดวกสบายแบบ 4 ที่นั่งสำหรับผู้บริหาร พร้อมรองรับที่นั่งได้สูงสุดถึง 5 ที่นั่ง บริเวณเบาะที่นั่งทั้งด้านหน้าและด้านหลังสามารถปรับอุณหภูมิเพื่ออุ่นหรือทำให้เย็นเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศได้อย่างอิสระ เบาะที่นั่งผู้โดยสารแถวหน้าสามารถปรับไปยังตำแหน่งไกลสุดเพื่อให้มีพื้นที่ของเบาะผู้โดยสารด้านหลังเพิ่มมากขึ้น สะดวกสบายด้วยช่องแช่แข็งที่บริเวณคอนโซลกลางเพื่อใส่เครื่องดื่มเย็น ๆ ที่อุณหภูมิ 5 องศาเซลเซียส ปรับเปลี่ยนบรรยากาศภายในได้ทั้งแสงสีขาวและแสงสีเหลืองที่ดูอบอุ่นพร้อมปรับความสว่างได้หลายระดับ มีระบบการควบคุมสภาพอากาศ 4 โซนที่จะทำให้ภายในห้องโดยสารนั้นมีอุณหภูมิเย็นสบายสม่ำเสมอในทุกที่นั่ง

ภายนอกมีรูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์สอดแทรกไปด้วยเส้นสายที่ดูทันสมัยและน่าทึ่ง ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมของเครื่องยนต์ที่ได้รับการปรับแต่งให้มีสมรรถนะที่แข็งแกร่งและประหยัดเชื้อเพลิงได้เป็นเยี่ยม มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน V6 Supercharged ขนาด 3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 380 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร เครื่องยนต์เบนซิน V8 Supercharged ขนาด 5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 525 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร เครื่องยนต์ดีเซล TDV6 Turbocharged ขนาด 3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตัน-เมตร เครื่องยนต์ดีเซล SDV8 Twin Turbocharged ขนาด 4.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 339 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 740 นิวตัน-เมตร รวมไปถึงเครื่องยนต์ไฮบริดแบบ PHEV ใหม่ ที่ให้กำลังสูงสุด 404 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 640 นิวตัน-เมตร
BMW 8 Series

4. BMW 8 Series

BMW 8 Series มีมาให้เลือกทั้งแบบคูเป้และแบบเปิดประทุน มาพร้อมกับวัสดุระดับ Exclusive ที่มอบความประทับใจในทุกองค์ประกอบ ห้องโดยสารภายในได้รับการตกแต่งด้วยวัสดุที่หรูหราพร้อมการเดินตะเข็บอยากมีสไตล์เข้ากับชุดตกแต่งในเกรดพรีเมี่ยมช่วยเพิ่มความสปอร์ตได้อย่างลงตัว เบาะนั่งตกแต่งด้วยหนังแท้เนื้อละเอียด พร้อมมอบความประทับใจให้คุณอย่างสูงสุดในทุกการเดินทาง ทั้งในด้านความสะดวกสบาย ความปลอดภัย รวมไปถึงฟังก์ชันการทำงานสุดล้ำสมัย มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสมรรถนะและระบบต่าง ๆ ในการควบคุมรถให้ทรงพลังยิ่งขึ้นกว่าเคย ปลดปล่อยดีเอ็นเอความเป็นรถแข่งที่มีอยู่ใน BMW 8 Series ให้โดดเด่นออกมาอย่างชัดเจน ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 8 สูบ TwinPower Turbo ขนาด 4.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 390 กิโลวัตต์ (530 แรงม้า) ซึ่งนับเป็นขุมพลังแรงอย่างแท้จริงของรถแข่ง มอบทั้งความสะดวกสบาย รูปลักษณ์ที่สง่างาม และสมรรถนะที่แข็งแกร่งอีกด้วย
Jaguar XF

5. Jaguar XF


Jaguar XF นี้ก็เป็นรุ่นที่ออกมาทำตลาดแทรกระหว่างกลางของรุ่น XE และ XJ และเป็นอีกหนึ่งในรถหรูหราสุดสบายที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันระดับผู้บริหาร ภายในออกแบบให้มีความหรูหราโอ่โถงนั่งสบายด้วยวัสดุระดับพรีเมี่ยม โดยมีช่องวางเข่าด้านหลังที่มีความกว้างขวางมากที่สุดในคลาสและสามารถปรับเปลี่ยนที่นั่งได้ดั่งใจเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการใช้สอยให้ได้มากยิ่งขึ้น มาพร้อมระบบ Configurable Interior Mood Lighting ที่สามารถเลือกเปลี่ยนสีของแสงไฟภายในรถเพื่อสร้างบรรยากาศอันผ่อนสบายได้อย่างหลากหลาย สามารถเลือก Option ของระบบปรับอากาศภายในเป็นแบบ 4 โซนเพื่อให้ผู้โดยสารแต่ละคนสามารถเลือกทิศทางลมและอุณหภูมิที่เหมาะสมกับตนเองได้อย่างอิสระ พื้นที่ห้องโดยสารภายในก็ถูกออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนตามการใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยสามารถปรับพื้นที่เบาะที่นั่งในอัตราส่วน 40:20:40 เพื่อเพิ่มความจุสำหรับพื้นที่จัดเก็บภายในเพื่อการใช้งานแบบอเนกประสงค์ได้อีกด้วย

ภายนอกยังถูกออกแบบโครงสร้างให้เป็นอลูมิเนียมทั้งหมดจึงทำให้ตัวรถนั้นมีน้ำหนักเบาและแข็งแรง มาพร้อมเครื่องยนต์ให้เลือกด้วยกัน 2 แบบก็คือ เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ให้กำลัง 240 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 340 นิวตัน-เมตรที่ 1,750 รอบต่อนาที และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตให้กำลัง 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที
Rolls-Royce Ghost

6. Rolls-Royce Ghost

มีการออกแบบภายในที่ดูหรูหราด้วยวัสดุระดับพรีเมี่ยม เบาะนั่งหนังแท้แบบเต็มผืนซึ่งเป็นหนังเกรดเดียวกับที่ใช้ในรุ่น Phantom ที่ถูกออกแบบให้มีส่วนรองรับต้นขาเพื่อความนั่งสบายที่สามารถปรับความลึกได้ด้วยเบาะไฟฟ้า เบาะที่นั่งด้านหลังได้รับการปรับองศาใหม่เพื่อให้สามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมทางในรถได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น พร้อมติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ทันสมัยทั้งในด้านของการขับขี่และความบันเทิง รวมไปถึงมาตรฐานความปลอดภัยที่มั่นใจได้ นอกจากนี้ก็ยังมาพร้อมกับการปรับปรุงช่วงล่างทั้งด้านหน้าและด้านหลังเพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพในการขับขี่และลดการสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสารให้ทุกการเดินทางเป็นไปได้อย่างราบรื่นและนุ่มนวล

ภายนอกที่เน้นเส้นสายให้ดูมีความพลิ้วไหวมากยิ่งขึ้น แสดงให้เห็นถึงความสามารถในด้านของอากาศพลศาสตร์ได้เป็นอย่างดี พร้อมเดินทางได้อย่างเต็มสมรรถนะกับเครื่องยนต์ V12 ให้กำลังสูงสุด 570 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 780 นิวตัน-เมตร ที่มาตั้งแต่รอบต่ำ 1,500rpm โดยมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 4.9 วินาที

Mercedes-Maybach S-Class

7. Mercedes-Benz Mercedes-Maybach S-Class

Mercedes-Maybach S-Class มีเอกลักษณ์แห่งความเป็นผู้นำระดับ VIP เอาไว้ได้ตั้งแต่แรกเห็น ภายในห้องโดยสารมาพร้อมพื้นที่อันกว้างขวางเต็มเปี่ยมไปด้วยสถาปัตยกรรมที่หรูหราและทันสมัยใส่ใจไปจนถึงรายละเอียดเล็กน้อยที่สุด เติมเต็มทุกความต้องการสำหรับทุกการเดินทางได้อย่างแท้จริง ยกระดับแห่งความหรูหราด้วยวัสดุ Design แบบพิเศษ พร้อม Magic Sky control ที่ทำให้หลังคาโปร่งใสสัมผัสถึงท้องฟ้าในระหว่างการเดินทางได้อย่างเต็มที่ ห้องผู้โดยสารด้านหลังระดับเฟิร์สคลาสที่ทำให้คุณสามารถใช้นั่งทำงานหรือนั่งเล่นก็ได้ในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเขียนหนังสือแบบพับได้ รวมไปถึงถังใส่แชมเปญและที่รองขาแบบปรับระดับ พร้อมระบบควบคุม Energizing แบบ Comfort ช่วยควบคุมสภาพอากาศ แสงไฟ และระบบกระจายให้เข้ากันได้อย่างชาญฉลาดพร้อมด้วยโปรแกรมนวดที่ออกแบบมาให้ถึง 6 โปรแกรมทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสะดวกสบายตลอดการเดินทาง มอบความราบรื่นนุ่มนวลในทุกเส้นทางด้วยระบบกันสะเทือนแบบถุงลม AIRMATIC พร้อมระบบควบคุมช่วงล่างรับแรงสั่นสะเทือนแบบแปรผันที่จะช่วยระบบลดแรงกระแทกและปรับให้เหมาะกับแต่ละล้อตามสถานการณ์ปัจจุบัน

Mercedes-Maybach S-Class มาพร้อมตัวอักษร “Maybach” ที่โดดเด่นพร้อมด้วยไฟหน้าแบบ MultiBeam LED พร้อมด้วยองค์ประกอบโครเมียมที่ช่วยเพิ่มความสง่างามและให้ภาพลักษณ์อันทรงพลัง โดยในรุ่น Mercedes-Maybach S560 Premium ก็มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V 8 สูบ เทอร์โบคู่และอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 469 แรงม้า ที่ 5,250-5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาที โดยมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลา 4.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Lexus LM

8. Lexus LM

รถตู้ระดับ Luxury สุดหรูที่สามารถเลือกได้ทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 4 ที่นั่ง Lexus LM ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด Mobile Private Lounge ที่เน้นไปในเรื่องของความสะดวกสบายของผู้โดยสารและสมรรถนะการขับขี่ในแบบรถยนต์หรู ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งเสริมโดยวัสดุระดับพรีเมียมที่ออกแบบมาให้เข้ากับสรีระของผู้นั่งและช่วยดูดซับแรงสะเทือนจากพื้นถนน โดยในรุ่น 4 ที่นั่งก็มากับเบาะที่นั่งแถวสองที่มาพร้อมกับเบาะรองนั่งไฟฟ้า เบาะระบายอากาศและทำความร้อน พร้อมระบบนวดที่ปรับได้ถึง 7 รูปแบบ ระบบปรับอากาศแบบ 3-zone ตู้แช่เครื่องดื่มขนาด 14 ลิตร โดยมีแผงกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวพร้อมกระจกเก็บเสียง Acoustic รอบคัน และสามารถปรับไฟส่องสว่างบนเพดานได้ถึง 16 สี และติดตั้งเทคโนโลยีอันทันสมัยที่พร้อมตอบโจทย์ทั้งในด้านของการทำงาน ความบันเทิง พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานระดับโลก

ภายนอกของ Lexus LM ติดตั้งไฟหน้าแบบ 3-eye LED ไฟเลี้ยว Sequential ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีหลังคามูนรูฟ 2 บานหน้าและหลัง พร้อมด้วยไฟท้าย LED ที่ออกแบบให้มีลักษณะเป็นรูปตัว L ลากยาวจรดปลายทั้งสองข้างรับกับเส้นสายด้านข้างตัวรถที่ทำให้ดูปราดเปรียวและหรูหรา มาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริดรหัส 2AR-FXE ความจุ 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 152 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 206 นิวตัน-เมตร มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตัน-เมตร มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลังให้กำลังสูงสุด 50 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 139 นิวตัน-เมตร รวมให้กำลังสูงสุดทั้งระบบอยู่ที่ 197 แรงม้า พร้อมส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT และใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four

Bentley Mulsanne

9. Bentley Mulsanne

Bentley Mulsanne เป็นรถยนต์ Grand Touring รุ่นเรือธงสุดหรูสัญชาติอังกฤษที่ได้ผสมผสานเอาความละเมียดละไมพิถีพิถันในการสร้างสรรค์แต่ละชิ้นส่วนให้มีความหรูหราพร้อมกับงานหัตถกรรมทำมือชั้นเยี่ยมผสานรวมไว้กับความสปอร์ตและพละกำลังของเครื่องยนต์ที่โดดเด่นเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวไม่มีที่ติ มีความประณีตในกระบวนการผลิตนับตั้งแต่เริ่มต้นและใช้เวลากว่า 400 ชั่วโมงในการผลิตรถแต่ละคัน การออกแบบภายในมีความละเอียดและซับซ้อนสูงด้วยวัสดุหนังแท้นับร้อยชิ้นและมีการติด Ring of Wood เพื่อล้อมรอบได้อย่างสมบูรณ์แบบ ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายเอาไว้ได้อย่างครบครันไม่ว่าจะเป็นระบบปรับอากาศแบบอิสระแยกซ้ายขวา พนักพิงศีรษะแบบปรับระดับได้ มีช่องเก็บของพร้อมที่วางแก้วน้ำและช่องแช่เย็น รวมไปถึงเทคโนโลยีอันทันสมัยที่ติดตั้งมาให้ใช้งานกันอย่างเต็มรูปแบบเพื่อสร้างประสบการณ์การที่ยอดเยี่ยมในการเดินทางสุดพิเศษที่จะสามารถพบได้เฉพาะใน Bentley Mulsanne เท่านั้น

ภายนอกของ Bentley Mulsanne มากับดีไซน์ที่มีความเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครด้วยชิ้นงานที่ทำมือไม่ว่าจะเป็นตัวถังรถหรือสแตนเลสที่มีความแวววาวจากการขัดด้วยมือเป็นเวลากว่า 10 ชั่วโมง มอบพละกำลังที่เหนือชั้นด้วยเครื่องยนต์ V8 DOHC 32 วาล์ว ทวินเทอร์โบ พร้อมระบบ Cam Phasing และ Variable Displacement ขนาด 6.75 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่ 505 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยและได้มาตรฐานระดับโลกมาไว้ให้อย่างครบครัน เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์สุดหรูที่เน้นในเรื่องของสุนทรียภาพในการขับขี่ได้อย่างแท้จริง

Rolls-Royce Phantom

10. Rolls-Royce Phantom

มีสถาปัตยกรรมแห่งความหรูหราอลังการกันอยู่เช่นเคย ภายในห้องโดยสารมาพร้อมความหรูหราสุดแสนจะบรรยาย การออกแบบที่พักแขนก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรือยอร์ชในรุ่น J-Class เบาะนั่งได้รับการออกแบบใหม่และผลิตโดยช่างฝีมือเพื่อยกระดับความสบายที่เหนือชั้น กว้างขวางสะดวกสบายและรองรับสรีระได้อย่างเหมาะสม สำหรับเบาะที่นั่งด้านหน้าก็ได้รับอิทธิพลมาจากเก้าอี้ในสไตล์ Eames Lounge Chair ที่มีความหรูหราและถูกจัดแสดงในนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ในกรุงนิวยอร์ก และภายใต้การออกแบบที่หรูหราก็ยังซ่อนเอาไว้ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยและชาญฉลาดเอาไว้ได้อย่างครบครัน พร้อมการสร้างสรรค์ให้เป็นรถยนต์ที่เงียบที่สุดในโลก มอบความสะดวกสบายและหรูหราเหนือจินตนาการเอาไว้ภายในรถได้อย่างสมบูรณ์แบบ

Rolls-Royce Phantom มาพร้อมโครงสร้างอลูมิเนียมแบบใหม่สถาปัตยกรรมและสัดส่วนของยานยนต์ที่พร้อมมอบการขับขี่ที่นุ่มนวลราวกับพรหมวิเศษเหนือระดับในทุกสภาวะสื่อให้เห็นถึงความเป็นยานยนต์ Phantom ได้อย่างชัดเจน มาพร้อมกับขุมพลัง V12 ขนาด 6.75 ลิตร แบบเทอร์โบคู่ มอบแรงบิดต่ำสุดที่ 900 นิวตัน-เมตรในระดับการหมุนที่ 1,700 รอบต่อนาที ในขณะที่ยังคงมอบพลังขับเคลื่อนสูงถึง 563 แรงม้า จึงทำให้รถสามารถวิ่งได้อย่างเงียบเชียบแม้ในระดับความเร็วต่ำ และติดตั้งระบบส่งกำลังแบบ Satellite Aided Transmission (SAT) เพิ่มเติมโดยทำงานผสานกับกระปุกเกียร์ ZF 8 สปีด มอบความรู้สึกพิเศษของการโดยสารแบบไร้การกระตุกแม้จะต้องเปลี่ยนเกียร์เพื่อเร่งความเร็วก็ตาม เรียกได้ว่าเป็นรถหรูที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่ดีที่สุดเท่าที่เคยสร้างมาเพื่อเอกสิทธิ์แห่งความหรูหราและสะดวกสบายได้อย่างแท้จริง

เป็นยังไงบ้างกับ 10 อันดับ รถหรูนั่งสบาย ที่เราเอามาฝากกันในบทความนี้ เพื่อน ๆ เห็นด้วยกับการจัดอันดับรถหรูนั่งสบายบทความนี้ ลองแสดงความเห็นกันดูนะ

สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่

อ้างอิง : คลิกที่นี่

เป็นกำลังใจช่วยแชร์หน่อยค่ะ



ball