สูตรลับ !! วิธีแก้ส้นเท้าแตก เพิ่มความมั่นใจ แม้เดินเท้าเปล่า

วิธีแก้ส้นเท้าแตก อาการส้นเท้าแตกเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย เกิดจากการที่ผิวหนังบริเวณส้นเท้าแห้งและแตก อาการส้นเท้าแตกนั้นเกิดจากการสูญเสียความชุ่มชื่นของผิวหนังบริเวณส้นเท้าจากการทำกิจกรรมที่เกิดแรงเสียดสีบริเวณนั้น เช่น การยืนหรือเดินเป็นเวลานาน รวมถึงปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ก็สามารถทำให้ส้นเท้าแตกได้ เช่น

•  การใส่รองเท้าส้นสูงที่ไม่พอดีกับขนาดเท้า
•  การเดินในบ้านโดยไม่ใส่ร้องเท้าใส่ในบ้าน
•  การใส่รองเท้าพื้นบางและเปิดส้น
•  น้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐาน
•  การใช้สบู่ก้อนที่มีสารเคมีเป็นส่วนประกอบทำความสะอาดเท้า

วิธีแก้ส้นเท้าแตก การแก้ส้นเท้าแตก มีวิธีการดังนี้ค่ะ

1. มะนาว : คั้นเฉพาะน้ำมะนาวนำมาผสมกับน้ำอุ่น จากนั้นนำเท้าลงไปแช่สักพัก เป็นวิธีง่าย ๆ ช่วยทำให้เท้านุ่มขึ้น หรือนำเปลือกมะนาวผสมเกลือขัดบริเวณรอยแตกก็จะทำให้ผิวหนังที่แห้งหลุดลอกออกได้

2. น้ำผึ้ง : ในน้ำผึ้งนั้นมีส่วนผสมของมอยซ์เจอไรเซอร์จากธรรมชาติ ประกอบกับสารแอนตี้แบคทีเรียโดยการเทน้ำผึ้งผสมกับน้ำอุ่น แช่เท้าทิ้งไว้อย่างน้อย 20 นาทีก่อนนอนทุกคืนจะทำให้ส้นเท้านุ่มขึ้น ไม่ก่อให้เกิดปัญหาส้นเท้าแตกอีกต่อไป

3.สารส้ม : นอกจากสารส้มจะมีคุณสมบัติในการช่วยดับกลิ่นตัวแล้ว ยังสามารถนำมาใช้บรรเทาอาการส้นเท้าแตกได้อีกด้วย โดยการนำไปผสมกับน้ำแล้วใช้สำลีชุบทาลงบนส้นเท้า ทิ้งไว้นานพอสมควรก็จะดีขึ้น

4. กล้วย : กล้วยจะกระตุ้นให้ผิวผลัดเซลล์ใหม่ สามารถทำได้โดยบดกล้วย 1 ลูก ผสมกับน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ พอกไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นใส่ถุงพลาสติกครอบอีกชั้น แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วทาครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับส้นเท้า

5.น้ำมันมะพร้าว : จะมีวิตามินอีเข้มข้นมีสรรพคุณช่วยสมานผิวแตกให้เรียบเนียนขึ้น เพียงแช่เท้าในน้ำอุ่น ใช้ที่ขัดเท้านวดด้วยน้ำมันมะพร้าว จากนั้นทำการใส่ถุงเท้าเข้านอน ก็จะให้ความชุ่มชื้นกับเท้ามากขึ้นได้แล้ว

6. วาสลีน : เป็นวิธีที่ค่อนข้างง่ายและรวดเร็วแต่จะต้องใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องหมั่นทาทุกวันตรงบริเวณที่มีรอยแตก จะทำให้ส้นเท้าค่อย ๆ เนียนนุ่มขึ้น

7.ขัดส้นเท้าตอนอาบน้ำ : หากเราอาบน้ำนาน ๆ ตัวของเราจะเปื่อยลง รอยแตกบริเวณส้นเท้าจะค่อย ๆ อ่อนลง เราจึงใช้โอกาสนี้นำที่ขัดส้นเท้ามาขัดตรงรอยแตก ก็จะหลุดลอกออกไปง่ายยิ่งขึ้น ทำทุกวันเวลาที่อาบน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จทาโลชั่นเพื่อเติมความชุ่มชื่นให้กับผิว

สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่

อ้างอิง : คลิกที่นี่