โรคหัด คืออะไร
จากข่าวเมื่อเร็ว ๆ มานี้ ที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา เตือนคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นหลังพบโรคหัดระบาดป่วยแล้ว 8 คน โดยข่าวระบุบว่า นครโอซากา ออกคำเตือนเรื่องการแพร่ระบาดของโรคหัด (Measles) สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากาขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบ โดยระบุว่า ญี่ปุ่นสามารถทำให้โรคหัดภายในประเทศหมดไปตั้งแต่ปี 2558 และหลายคนอาจคิดว่าโรคหัดจะเป็นโรคที่พบได้เฉพาะเด็กเท่านั้นแต่ความจริงแล้ว โรคหัดสามารถเป็นได้ทุกคน ทุกช่วงวัยไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ และโรคที่สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ติดต่อจากระบบทางเดินหายใจ โรคหัดจะมีอาการรุนแรงมากกว่าโรคไข้หวัดทั่วไป ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เป็นอันตรายอาจส่งผลให้พิการหรือเสียชีวิตได้ และในวันนี้เราจึงจะมาอธิบายเกี่ยวกับ โรคหัด คืออะไร สาเหตุและอาการเป็นอย่างไร เป็นแล้วกี่วันหาย  ให้กับทุกท่านได้เข้าใจ

วิธีแก้ปวดหัว ไม่กินยา เคล็ดลับดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งยา

โรคหัด คืออะไร

โรคหัด คืออะไรเป็นไข้ออกผื่นชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่ม Morbillivirus มักพบในเด็กเล็ก แต่ก็อาจพบในเด็กโตหรือในผู้ใหญ่ได้ โรคหัดเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังเพราะสามารถติดต่อกันได้ง่าย และในบางครั้งอาจพบภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงแก่ชีวิตได้ โรคหัดสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน แต่ยังไม่มียารักษาเฉพาะ

กลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัด กลุ่มแรกคือ เด็กที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรค หากติดเชื้อจะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนและเสียชีวิตได้มากที่สุด  กลุ่มที่สองได้แก่หญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ได้รับวัคซีน หากได้รับเชื้อมีโอกาสแท้งหรือคลอดก่อนกำหนดได้ อีกกลุ่มที่เสี่ยงคือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมถึงผู้ที่ขาดสารอาหาร อาการป่วยจะรุนแรงและอันตรายกว่าผู้ที่ร่างกายแข็งแรง

โรคหัดสาเหตุและอาการเป็นอย่างไร มีวิธีรักษาและป้องกันอย่างไร

  • สาเหตุของโรคหัด

โรคหัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ไวรัสหัด (Measles virus) โดยไวรัสจะแพร่กระจายจากคนสู่คนเท่านั้น และติดต่อจากการหายใจเอาละอองฝอยที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อนอยู่เข้าไปในร่างกายหรือการสัมผัสโดยตรงกับน้ำมูกน้ำลายของผู้ป่วยที่เป็นโรคหัด เชื้อไวรัสหัดเป็นเชื้อที่สามารถแพร่กระจายได้ค่อนข้างง่าย โดยคนไข้ที่เป็นโรคหัด 1 คนสามารถแพร่กระจายไปยังคนอื่นๆ ได้ถึง 15 คน

  • อาการของโรคหัด

อาการของโรคหัดมักนำด้วยการมีไข้สูง และมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีน้ำมูก ไอ ตาแดง พบจุดสีเทาขาวบริเวณกระพุ้งแก้มตรงข้ามกับฟันกรามซี่ใน โดยจะขึ้นในช่วง 2-3 วัน ที่เป็นโรค หลังจากนั้นจะหายไป นอกจากนี้จะมีผื่นเป็นปื้นสีแดงซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคหัดขึ้น หลังจากเป็นไข้แล้ว 3-4 วัน โดยผื่นจะขึ้นจากบริเวณไรผม มาที่หน้า ลำตัว แขน และลงมาที่ขา แต่เมื่อใดที่ผื่นเหล่านี้ลงมาถึงบริเวณเท้าแล้วไข้ก็จะหายไป

  • การรักษาโรคหัด

การรักษาโรคหัดยังไม่มีการรักษาที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งทางการแพทย์แนะนำว่าควรได้รับวิตามินเอ เพื่อช่วยลดภาวะแทรกซ้อนของโรคหัด และการรักษาตามอาการ หากมีไข้จะเช็ดตัวและให้ยาลดไข้ ให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ และต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอ และผู้ป่วยที่เป็นโรคหัด ไม่ควรออกไปตามสถานที่สาธารณะ  เด็ก ๆ ไม่ไปโรงเรียน เป็นเวลาอย่างน้อย  4 วันหลังจากผื่นเริ่มปรากฏเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น

  • การป้องกันโรคหัด

การป้องกันโรคหัดสามารถทำได้ด้วยการฉีดวัคซีน สำหรับเด็กโดยทั่วไปจะได้รับวัคซีน 2 เข็ม เป็นวัคซีนรวมโรคหัด หัดเยอรมัน คางทูม เข็มแรกจะฉีดตอนอายุ 9-12 เดือน เข็มที่สองจะฉีดตอนอายุ 2 ขวบ – 2 ขวบครึ่ง สำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน สามารถรับวัคซีนได้ 2 เข็ม โดยเว้นช่วงการรับวัคซีนแต่ละรอบให้ห่างกันอย่างน้อย 28 วัน อย่างไรก็ตาม วัคซีนป้องกันโรคหัดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น มีไข้ หรือมีอาการผื่นขึ้นคล้ายผื่นโรคหัดและหายไปเอง

สรุป โรคหัด คืออะไร เป็นโรคติดต่อที่มีโอกาสติดเชื้อได้สูง การติดเชื้อเกิดจากการรับเชื้อไวรัสผ่านทางอากาศ การสัมผัสละอองน้ำลายและน้ำมูกของผู้ป่วย ซึ่งช่วง 4 วันทั้งก่อน และหลังเกิดผื่นนั้นถือเป็นระยะเวลาของการแพร่เชื้อ โดยเชื้อไวรัสจะเข้ามาทางระบบทางเดินหายใจ และแพร่ไปทั่วร่างกายทำให้ 90% ของผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันหัดมีโอกาสป่วยเป็นโรคหัดหากอยู่ใกล้ผู้ป่วยที่เป็นโรค


ขอบคุณเนื้อหาจาก : wikipedia

เป็นกำลังใจช่วยแชร์หน่อยค่ะ



ball