วิ่งให้มีความสุข

ในประเทศไทยปัจจุบันนี้ ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า การวิ่ง กลายเป็นกีฬายอดนิยม เพื่อใช้ในการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปแล้ว โดยจะเห็นได้จาก คนส่วนใหญ่หันมาลงสนามวิ่งกันจำนวนมาก ทว่ามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่อยู่รอดแล้วยังคงวิ่งอยู่ตั้งแต่วันแรกที่เริ่ม จนถึงตอนนี้ เพราะส่วนมากต่างก็ท้อแท้ และหมดไฟ จนต้องยอมแพ้กันไปก่อน สาเหตุหลัก ๆ ก็มาจากความน่าเบื่อของการวิ่งนั่นเอง บทความนี้จึงขอเสนอ 5 เทคนิค วิ่งให้มีความสุข ที่จะช่วยให้คุณสามารถเอาชนะความเบื่อ อาการหมดไฟ แล้วประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงตัวเองนั่นเอง

วอร์มอัพ และ คูลดาวน์ ก่อนหลังออกกำลัง ดีอย่างไร

วิ่งให้มีความสุข กับเทคนิคที่ทำตามกันได้ง่ายๆ

1.วิ่งโดยไม่สนใจตัวเลข

เลิกสนใจสถิติก่อนเลยอันดับแรก เพราะยังไงการเริ่มต้นก็ไม่สามารถทำได้เทียบเท่านักวิ่งที่วิ่งประจำอยู่แล้ว ให้ฟังเสียงร่างกายคุณหากมันฟ้องว่าเหนื่อย หัวใจเต้นรัวและเร็วเกินไป

นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณวิ่งเกินกว่าที่ร่างกายจะทานทนไหวซึ่งไม่เป็นผลดีกับร่างกาย วิ่งไปตามที่ร่างกายของเราจะวิ่งไหวเหนื่อยก็ให้พอดี หายใจแบบสบาย ๆ วิ่งจบในเซตแบบมีความสุข อย่าลืมวอร์มร่างกายก่อนวิ่งเสมอ และร่างกายของเราจะค่อย ๆ พัฒนาไปเองจังหวะการวิ่งของเราก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ

2.ตั้งใจฝึกซ้อมอย่างมีแบบแผน

การฝึกฝนเป็นสิ่งสำคัญ โดยอาศัยคำว่า “วินัย” ซึ่งนั่นก็คือการทำซ้ำ ๆ อย่างมีแบบแผน และเป็นระบบหากตั้งใจว่าจะแบ่งเวลาให้กับการวิ่งทุกวัน วันละ 1 ชม. (รวมถึงการวอร์มอัพร่างกาย) ก็จงทำเช่นนั้นซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ แล้วร่างกายคุณจะเริ่มปรับตัวกับการวิ่งไปเองโดยอัตโนมัติ เพราะการวิ่งเพื่อบรรลุเป้าหมายไม่มีทางลัด ต้องค่อย ๆ ฝึกฝนกันไป

3.คิดว่าการวิ่งคือการทำสมาธิ

หากเรารู้สึกว่าวันหนึ่ง ชีวิตของเราวุ่นวายไปกับสิ่งต่าง ๆ โดยที่ไม่มีเวลาให้กับตัวเอง หรือพูดคุยกับตัวเองเลย ก็ตาม ก็ให้ใช้ช่วงเวลาในการวิ่งให้เป็นประโยชน์มากที่สุดเราจะได้ฟังเสียงหัวใจของตัวเองเต้นเป็นจังหวะนับลมหายใจเข้าออกได้เป็นช่วง ๆ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ ที่เราจะได้อยู่กับตัวเอง เหมือนกับการทำสมาธิอย่างหนึ่ง

4.สนุกกับการวิ่งให้สมชื่อ fun run

สำหรับนักวิ่งมือใหม่ ส่วนใหญ่ก็จะลงวิ่ง fun run ก่อนเสมออยู่แล้ว จะเป็นการลองสนาม หรือทดสอบการซ้อมวิ่งของเราเองก็ตาม

ในเมื่อชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า fun run ดังนั้นก็จงบอกตัวเองว่าการวิ่งในครั้งนี้ต้องจบลงด้วยความสนุกสนานลืมเรื่องสถิติไปเลย จบงานวิ่งเราต้องไม่เจ็บตัวใด ๆ

วิ่งจบแล้วร่างกายและจิตใจเราต้องสบาย และที่สำคัญต้องตอบตัวเองได้ว่าเรามีความสุขมากแค่ไหนกับการลงวิ่งในครั้งนี้

5.วิ่งแข่งกับใจตัวเอง

ในงานวิ่งจะเต็มไปด้วยนักวิ่งที่หลากหลาย ทั้งเก่งมากเก่งน้อย ผสมปนเปกันไป ดังนั้นในระหว่างที่วิ่งก็อย่าไปแคร์ใด ๆ กับคนที่วิ่งแซงหน้าเราไป ให้ฟังเสียงร่างกายของเราไว้จะดีที่สุด วิ่งไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็หยุดพักเดินบ้างก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน แค่เอาชนะใจตัวเอง โดยการมาวิ่งกับเพื่อนๆกลุ่มใหญ่ได้ก็ถือว่าใจของเราได้ข้ามผ่านความกดดันตัวเองมาระดับหนึ่งแล้วในขณะที่วิ่งก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งไม่ได้มาแข่งกับใคร แข่งกับใจตัวเองล้วน ๆ

เป็นยังไงบ้างกับ 5 เทคนิควิ่งให้มีความสุขที่เราเอามาฝากกันในบทความนี้ ใครที่กำลังท้อแท้ หมดไฟ ลองเอาเทคนิคต่าง ๆ ที่กล่าวไว้ข้างต้น ไปลองปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองดูนะ อย่าให้ความล้มแหลวเอาชนะคุณ


สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่

อ้างอิง : คลิกที่นี่

 

เป็นกำลังใจช่วยแชร์หน่อยค่ะ



ball